การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้คนนับล้านทั่วโลกชื่นชอบ นอกจากเสื้อหรือกางเกงที่ใช้เวลาวิ่งแล้ว สิ่งที่นักวิ่งควรจะใส่ใจไม่แพ้กันก็คือรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพและเหมาะกับเท้าของคุณ
เพราะรองเท้าวิ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยให้การวิ่งของคุณสบายเท้าเท่านั้น แต่ยังช่วยพยุงข้อเท้า รวมไปถึงลดและป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากการวิ่งได้อีกด้วย
เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงคือควรมีความสะดวกสบาย ตลอดอายุการใช้งานของรองเท้าวิ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งหน้าใหม่หรือมือโปรก็ควรจะใส่ใจกับการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งด้วยกันทั้งนั้น
6 ข้อหลัก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งมีอะไรบ้าง ลองดูกันครับ
1. เท้าของคุณอยู่ในประเภทไหน
นักวิ่งประเภทฝ่าเท้าแบน
หลังจากที่คุณลองยกฝ่าเท้าขึ้นมาดูแล้วพบว่า คุณเป็นคนที่ฝ่าเท้าไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งใด ๆ เลย หรือสังเกตจากรอยเท้าบนพื้นทรายจะเห็นว่ารอยเท้าตั้งแต่หัวแม่เท้านั้นเชื่อมต่อยาวไปจนถึงส้นเท้าเลยทีเดียว นั่นแปลว่าคุณเป็นคนในกลุ่มนี้ซึ่งเรียกว่า Over Pronation โดยเมื่อวิ่งแล้วจะใช้งานส่วนของหัวแม่เท้าและส้นเท้าด้านนอกอย่างหนัก และเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว เท้าและขามักจะวนเข้าด้านในโดยอัตโนมัติ ซึ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เท้าและสามารถเสียการทรงตัวได้ง่าย ดังนั้น เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและเพิ่มสมรรถนะในการวิ่งของเรา คนฝ่าเท้าแบนควรเลือกรองเท้าแบบ Motion Control ซึ่งมีพื้นรองเท้าที่กว้างและหนักกว่าปกติ ซึ่งช่วยลดแรงกดทับและแรงกระแทกได้ ทั้งยังช่วยเรื่องการทรงตัวอีกด้วย
นักวิ่งประเภทฝ่าเท้าสูง
หากว่าคุณลองมองดูฝ่าเท้าตัวเองแล้วพบว่ามีช่วงโค้งด้านในสูง หรือเมื่อเหยียบบนพื้นทราบก็สังเกตได้ว่ารอยเท้าแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือช่วงปลายเท้าและช่วงส้นเท้าชัดเจน นั่นบ่งบอกว่าคุณเป็นคนมีฝ่าเท้าสูงซึ่งมีการวิ่งแบบ Under Pronation โดยจะใช้งานข้างเท้าด้านนอกอย่างหนัก พร้อมกับแกว่งเท้าออกไปด้านนอกขณะวิ่ง ซึ่งทำให้ระยะระหว่างเท้าลงสู่พื้น และเกิดแรงกระแทกจากพื้นมากกว่าประเภทอื่น ซึ่งเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากขาและเข่า ทั้งนี้ เพื่อลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น บรรดานักวิ่งฝ่าเท้าสูงควรเลือกรองเท้าแบบ Cushioned ซึ่งมีส่วนเสริมกลางฝ่าเท้าและพื้นเท้าที่ซับแรงได้ดีเป็นพิเศษ ช่วยลดแรงกระแทกจากการวิ่งและยังลดอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากปัญหาของนักวิ่งประเภทนี้เกิดจากการที่เท้าหมุนเข้าข้างในน้อยเกินไป การดูดซับแรงกระแทกที่ข้อเท้าไม่ค่อยดี ดังนั้นรองเท้าที่ใช้ควรจะต้องออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นมากกว่ารองเท้าแบบอื่นๆ
นักวิ่งประเภทฝ่าเท้าพอดี
คนส่วนใหญ่จะมีเท้าแบบนี้กันมาก โดยสังเกตจากส่วนโค้งของเท้าซึ่งค่อนข้างพอดี อยู่ระหว่างแบบฝ่าเท้าแบนกับแบบฝ่าเท้าสูง หรือดูจากรอยเท้าที่ทั้งเท้าจะเชื่อมถึงหมดแต่มีส่วนโค้งมากกว่าแบบฝ่าเท้าแบนและไม่ขาดจากกันเหมือนฝ่าเท้าสูง นักวิ่งประเภทนี้จะวิ่งแบบ Normal Pronation ซึ่งได้เปรียบกว่าแบบอื่น เพราะไม่มีปัญหาใด ๆ ในการวิ่งมากนัก จึงสามารถเลือกใช้รองเท้าได้หลายแบบ แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มีฝ่าเท้าลักษณะดังกล่าวก็ควรเลือกรองเท้าแบบ Stablity ซึ่งไม่มีการเสริมด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าแบบ Motion Control ที่มีพื้นรองเท้ากว้างและหนัก จึงเพิ่มแรงกระแทกที่มีต่อขา ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บมากได้ง่าย
รองเท้าสำหรับนักวิ่งประเภทนี้ไม่ต้องการส่วนที่ support ให้เท้าหยุดหมุน เหมือนพวก Overpronator รองเท้าที่ใช้สามารถใช้แบบเดียวกันกับพวก Underpronator (Supination) ยิ่งถ้ามีน้ำหนักตัวมากๆ ก็ควรเลือกประเภทเดียวกันกับ Underpronator เลย แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว ก็ให้เลือกรุ่นที่ไม่หนักจนเกินไป หรือว่ามีส่วนที่รองรับแรงกระแทกมากนัก
*คำว่า Pronation หมายถึงลักษณะการหมุนของเท้าจากข้างนอกเข้าข้างใน ปกติคนเราเวลาเดินหรือวิ่ง ส่วนของเท้าด้านนอกจะสัมผัสพื้นก่อนเสมอ หลังจากนั้นแล้วจะมีการหมุนเข้าข้างใน เป็นกลไกในการรองรับแรงกระแทกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีการหมุนของข้อเท้าเลย แรงกระแทกทั้งหมดจะถูกส่งตรงขึ้นไปที่หัวเข่า สะโพก แต่ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือว่า เวลาวิ่งหรือเดิน บางคน หมุนปกติ แต่บางคน มากไป บางคนน้อยไป ซึ่งถ้าเดินเฉยๆ จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ว่าถ้าวิ่ง เนื่องจากว่าแรงกระแทกมันเยอะกว่า คนที่เท้าหมุนมากไป (overpronation) กับคนที่หมุนน้อยไป (underpronation หรือเรียกอีกอย่างว่า supination) ก็จะมีโอกาสบาดเจ็บมากกว่า
2. น้ำหนักของนักวิ่ง
น้ำหนักของนักวิ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อรองเท้า นักวิ่งที่มีน้ำหนักตัวมากควรเลือกรองเท้าที่ป้องกันการกระแทก ช่วยในการควบคุมการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับการวิ่ง เพราะการวิ่งเป็นกิจกรรมที่มีผลกระทบสูงต่อร่างกาย อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อต่อได้ถ้าไม่ได้สวมใส่รองเท้าวิ่งที่เหมาะสม
3. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับสภาพพื้นที่จะวิ่ง
รองเท้าวิ่งยิ่งมีน้ำหนักเบาเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ขาเราวิ่งได้ดียิ่งขึ้น แต่รองเท้าวิ่งที่น้ำหนักเบามักมีการป้องกันน้อยกว่ารองเท้าวิ่งที่หนักกว่า รองเท้่าวิ่งบนพื้นราบ พื้นดิน หรือพื้นขรุขระนั้นมีการออกแบบพื้นรองเท้าต่างกัน การยึดเกาะพื้นก็ต่างกันออกไป
นักวิ่งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่วิ่งอยู่บนแทร็กหรือบนถนน สามารถใช้รองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบา ส่วนนักวิ่งที่ต้องการวิ่งบนเส้นทางหรือพื้นผิวขรุขระและไม่สม่ำเสมอ ควรต้องมีรองเท้าที่ให้การปกป้องมากกว่า
4. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับระยะทางที่จะวิ่ง
รองเท้าวิ่งอาจแตกต่างกันไปในแง่ของความทนทาน รองเท้าวิ่งที่ใช้วัสดุนิ่มๆเพื่อให้สวมใส่สบายขึ้นมีแนวโน้มที่จะสึกหรอได้เร็วกว่า
นักวิ่งที่วิ่งเป็นระยะไกลๆ ควรเลือกรองเท้าวิ่งที่ทนทาน กระชับและช่วยพยุงข้อเท้า ตัวรองเท้าควรมีนำหนักเบา และสามารถรองรับน้ำหนักที่จะกดทับซ้ำๆเป็นเวลานานๆได้ดี
ส่วนรองเท้่าวิ่งระยะสั้น จะถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประคองข้อเท้าและควบคุมจังหวะการวิ่งให้เท้าอยู่ในรูปทรงที่ถูกต้อง สามารถรองรับการกระแทกและช่วยไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้อย่างดี
5. ประสบการณ์ของนักวิ่ง
นักวิ่งทีเพิ่งเริ่มต้น ควรเลือกรองเท้าวิ่งที่ช่วยป้องกันการกระแทกและการป้องกันมากขึ้น เนื่องจากร่างกายของนักวิ่งระดับนี้กำลังปรับตัวเข้ากับการเคลื่อนไหวและผลกระทบจากการวิ่ง ส่วนรองเท้าสำหรับนักวิ่งที่ผ่านการวิ่งมาบ้างแล้ว จะเลือกรองเท้าวิ่งที่มีการป้องกันการกระแทกน้อยลงก็ไม่เป็นไร เพราะร่างกายของนักวิ่งระดับนี้ได้สร้างกล้ามเนื้อที่จำเป็นสำหรับการวิ่งไว้แล้ว และเท้าของนักวิ่งที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการป้องกันเช่นเดียวกับนักวิ่งที่เพิ่งเริ่มต้น
6. เตรียมถุงเท้าที่จะใช้วิ่งไปด้วย
ถุงเท้าที่จะใช้ตอนวิ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง เพราะในปัจจุบันถุงเท้ามีหลายแบบ ทั้งประเภทของเนื้อผ้า ความหนาบาง สั้นยาวแตกต่างกัน ดังนั้นตอนที่นักวิ่งไปซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ควรนำถุงเท้าที่เราจะใช้วิ่งติดไปด้วยเพื่อทดสอบความคับหรือความหลวม ซึ่งจะช่วยลดปัญหารองเท้าวิ่งใส่ไม่พอดีตอนวิ่งจริงๆได้
ถ้าจะต้องซื้อรองเท้าวิ่งคู่แรกหรือคู่ใหม่ ควรนึกถึงการใช้งานจริงเป็นหลัก คือช่วยร่างกายไม่ให้รับแรงกระแทกมากไป เซฟร่างกายไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บ แล้วค่อยมาเลือกยี่ห้อ รูปแบบ สีสันภายหลัง เพราะร่างกายและกล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักวิ่งทุกคน ดูแลร่างกายเราดีๆแล้วจะวิ่งไปได้อีกนาน